10 เรื่องสั้นสร้างแรงบันดาลใจ

ต้นเรื่อง : The 10 Most Inspirational Short Stories I’ve Heard โดย Dan Western

แปล : กตวรรณ คุณกมุท
เรียบเรียง : สกล สุวรรณาพิสิทธิ์

“เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ มอบพลังแก่ผู้อ่านเสมอ”

ไม่ว่าเรื่องเล่าเหล่านี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้น ก็ล้วนแล้วแต่มีพลังและสร้างแรงบันดาลใจให้คุณต้องแอบคิดตามเลยทีเดียวแหละ เรื่องเล่าเหล่านี้มาจากประสบการณ์การอ่านของ Dan Western (เจ้าของบทความต้นเรื่อง) มันให้ข้อคิดดีๆ มากมาย จนเจ้าของต้นเรื่องอดไม่ได้ที่จะนำมาเขียนเป็นบทความ คัดมาให้คุณได้อ่าน 10 เรื่องด้วยกัน

10. เชือกผูกช้าง (แรงบันดาลใจ : ความเชื่อ)

ชายคนหนึ่งเดินผ่านปางช้างแห่งหนึ่ง พบว่ามีช้างโขลงนึงไม่ได้ถูกขังไว้ในกรงหรือโดนโซ่ล่ามแต่อย่างใด

แต่สิ่งที่รั้งพวกมันเอาไว้ เป็นเพียงเชือกเส้นบางๆ ที่ผูกเอาไว้ที่ขาข้างนึง

ชายคนนั้นก็ยืนจ้องมองไปที่ช้าง ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
“ช้างตัวออกโตขนาดนี้ เชือกก็อันกระจ้อยซะขนาด แต่ทำไมพวกมันไม่คิดจะทำอะไรเลย ยืนให้เขาล่ามไว้อยู่ในนั้น ?”

ด้วยความอยากรู้  เขาก็เดินไปถามควาญช้างที่อยู่บริเวณนั้นว่า “ทำไมช้างมันมัวแต่ยืนเฉย ไม่คิดจะหนีไปเล่าท่าน?”

ควาญช้างจึงตอบมาว่า “เมื่อพวกมันยังแด็ก มันก็ถูกมัดด้วยเชือกขนาดเดียวกันนี่แหละ และด้วยอายุเท่านั้นก็ถือว่าแน่นหนาพอแล้ว แม้ต่อมาพวกมันจะโตขึ้น แต่เชือกบางๆ เส้นนี้ยังมัดขาพวกมันไว้อยู่ ทำให้พวกมันก็ยังไม่คิดจะหนีไปไหน เพราะใจของพวกมันเชื่อไปแล้ว ว่าเชือกเส้นบางแค่นี้ทำให้หนีไปไหนไม่ได้”

เหตุผลเดียวที่ช้างมันไม่หนีไป คือใจมันเชื่อว่าไม่มีทางเป็นได้ ที่มันจะหนีออกมาได้

ข้อคิด : ไม่สำคัญว่าปัญหาในโลกใบนี้จะกีดกันเหนี่ยวรั้งคุณไว้มากน้อยมากแค่ไหน จงก้าวเดินต่อไปด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณต้องการจะทำมันเป็นไปได้  ความเชื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ และความเชื่อส่วนที่สำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย

9. คิดให้นอกกรอบ (แรงบันดาลใจ : การคิดอย่างสร้างสรรค์)

ณ เมืองเล็กของในอิตาลีเมื่อนานมาแล้ว

เถ้าแก่เจ้าของธุรกิจเล็กๆ คนหนึ่งดันไปเป็นหนี้ก้อนโตในวงจรเงินกู้นอกระบบสุดโหดจากเจ้าหนี้ชราเขี้ยวลากดิน จนนำความซวยมาสู่ลูกสาวของตัวเอง

เจ้าหนี้ชราได้ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับเถ้าแก่ เป็นเงื่อนไขให้ตัวเขาได้แต่งงานกับลูกสาวเถ้าแก่เพื่อแลกกับการล้างหนี้ทั้งหมด

(ให้ตายเถอะ เรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ก็มีด้วย)

ในความโชคร้ายยังพอมีความหวัง เจ้าหนี้ชรายังเปิดทางให้
“เดี๋ยวฉันจะมีถุงผ้า 2 ใบให้หนูเลือกนะจ๊ะ ใบนึงมีก้อนกรวดสีดำ อีกใบนึงมีก้อนกรวดสีขาว ถ้าหนูเลือกได้ถุงที่มีก้อนกรวดสีดำ หนูจะต้องแต่งงานกับฉัน แต่ถ้าหนูเลือกได้ถุงที่มีก้อนกรวดสีขาว วาสนาระหว่างเราก็จะไม่เกิด.. อ้อ แล้วฉันก็ยังใจดีนะ ทันทีที่หนูเลือกถุงผ้านั้น หนี้ทั้งหมด ฉันยกให้พ่อหนูทันทีเลยนะจ๊ะ”

ว่าแล้วเจ้าหนี้ชราก็เดินไปหยิบก้อนกรวดจากในสวนมา 2 ก้อน แต่กลับเล่นไม่ซื่อ ลูกสาวเถ้าแก่เหลือบไปเห็นว่าเจ้าหนี้ชราแอบหยิบก้อนกรวดดำขึ้นมาทั้ง 2 ก้อนใส่ลงไปในถุงผ้า

“หนูเลือกใบไหนดีจ๊ะ ?”

ตอนนี้ทางเลือกทั้งหมดที่น่าจะเป็นของลูกสาวเถ้าแก่ น่าจะเหลือแค่ 3 ทาง คือ

  1. ให้ตายก็ไม่เลือก แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้หนี้หายไป
  2. หยิบมาทั้ง 2 ถุง แล้วพิสูจน์ว่าเฒ่าหัวงูคนนี้โกง แต่ตาแก่นี่ก็อาจจะโกรธจนไม่ยอมยกหนี้ให้พ่อ
  3. ยอมเลือกสักถุง แล้วตกเป็นเมียของเจ้าหนี้ชราไป เพื่อไถ่หนี้ให้พ่อ

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจนกระทั่ง…

“ว๊าย! แย่จัง…ฉันทำก้อนกรวดที่เลือกหล่นหายไปแล้ว เอาแบบนี้แล้วกัน คุณเจ้าหนี้ช่วยดูก้อนกรวดอีกถุงว่าเป็นสีอะไร ก็คงรู้แล้วล่ะค่ะว่าฉันเลือกได้ก้อนกรวดสีอะไร เพราะสีมันตรงข้ามกัน”

ในขณะที่เธอเลือกถุงผ้า แล้วหยิบก้อนกรวดนั้นออกมา เธอแกล้งทำมันหล่นหายไปลงไปปะปนกับหญ้าในสวน

แน่นอนว่าก้อนกรวดสีดำอีกก้อนยังอยู่ในถุงผ้า แต่คำตอบเดียวที่เจ้าหนี้ชราจะตอบได้คือ “หนูเลือกได้ก้อนกรวดสีขาวจ่ะ” เว้นเสียแต่เจ้าหนี้ชราจะพูดความจริงว่า “หนูเลือกได้ก้อนกรวดสีดำนะจ๊ะ เพราะมันสีดำทั้ง 2 ถุง” ซึ่งมันก็คือการยอมรับว่าตัวเองโกงนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้พ่อลูกที่เป็นเป็นหนี้จึงเหมือนยกภูเขาออกจาก หนี้ก็หาย ลูกสาวก็ไม่ต้องเสีย

ข้อคิด : เป็นไปได้เสมอที่เราจะอยู่เหนือสถานการณ์ต่างๆ ได้ เมื่อเราคิดนอกกรอบมากไปกว่าแค่ในสิ่งที่สถานการณ์บีบเราเอาไว้

8.ฝูงกบ (แรงบันดาลใจ : การให้กำลังใจ)

กบฝูงหนึ่งท่องเที่ยวไปในป่า แต่แล้ว 2 ตัวในพวกมันตกลงไปในหลุมลึก เมื่อตัวอื่นๆ ได้มามุงดูรอบๆ หลุมและเห็นว่าลึกมากแค่ไหน พวกมันก็ได้บอกกบตัวที่ตกลงไปในหลุมว่าหมดหวังแล้วที่จะรอดขึ้นมา

กบทั้งสองก็ไม่สนใจกับคำพูดของกบตัวอื่น และพวกมันพยายามที่จะกระโดดขึ้นจากหลุม อย่างไรก็ตาม กบกลุ่มที่อยู่ด้านบนหลุมก็ได้แต่บอกให้พวกมันยอมแพ้ซะ

จนในที่สุดกบตัวหนึ่งก็เริ่มถอดใจและตรอมใจตาย แต่มีกบอีกตัวที่พยามกระโดดอย่างไม่ลดละ ฝูงกบก็ได้แต่บอกให้ยอมแพ้ไปเหมือนเคย อย่าดิ้นรนให้เจ็บปวดเลย ยังไงก็คงไม่รอด

แต่กบตัวนั้นก็พยายามอย่างไม่ลดละจนมันกระโดดออกมาได้ ก็ไม่วายยังโดนกบตัวอื่นถามมันว่าแกไม่ได้ยินที่พวกเราพูดเหรอ ?

กบตัวที่รอดออกมาได้ตอบไปว่ามันหูอื้อ มันเข้าใจมาตลอดว่าฝูงกบกำลังให้กำลังใจมันอยู่

ข้อคิด : คำพูดของเรามีผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น คิดสักหน่อยก่อนที่จะพูดมันออกจากปาก เพราะมันอาจช่วยชีวิตคนหรือฆ่าคนก็ได้

7. เนย 1 ปอนด์ (แรงบันดาลใจ : ความซื่อสัตย์)

เจ้าของฟาร์มคนหนึ่งขายเนย 1 ปอนด์ให้คนทำขนมปังอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งคนทำขนมปังเกิดอยากชั่งน้ำหนักดูว่าเขาได้น้ำหนักเนยตามเกณฑ์ที่ถูกต้องหรือไม่ ปรากฏว่าก็ไม่ได้มาตรฐานจริงๆ มันทำให้เขาโกรธมาก และเรื่องไปถึงศาล

ผู้พิพากษาถามเจ้าของฟาร์มว่า เขาได้ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักในการขายเนยหรือไม่ เจ้าของฟาร์มตอบว่า “ฉันมันตาสีตาสา ฉันไม่มีเครื่องชั่งเป๊ะๆ หรอก แต่ฉันมีเกณฑ์ของฉันอยู่แล้ว” ผู้พิพากษาถามต่อ “แล้วคุณชั่งเนยได้อย่างไร?”

เจ้าของฟาร์มตอบ “ด้วยความสัตย์จริง ก่อนที่คนทำขนมปังจะซื้อเนยจากฉัน ฉันได้ซื้อขนมปัง 1 ปอนด์จากเขา ในทุกๆ วันที่คนทำขนมปังเอาขนมปังมาให้ฉัน ฉันชั่งมันและขายเนยไปให้สมกับน้ำหนักขนมปังที่ฉันได้ ถ้าจะหาคนทำผิดก็คงจะเป็นคนทำขนมปัง”

ข้อคิด : ในชีวิตเรา คุณให้อะไรย่อมจะได้รับสิ่งนั้น อย่าพยายามที่จะคดโกงคนอื่น

6. อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางของเรา (แรงบันดาลใจ : โอกาส)

มีพระราชาองค์หนึ่งได้แอบวางก้อนหินไว้ที่บนถนน แล้วเขาก็หลบไปแอบดูว่าใครจะย้ายมันออกไปบ้าง มีพ่อค้าและข้าราชบริพานก็ได้ดูรอบๆ แต่ไม่ทำอะไร

ผู้คนต่างพากันกร่นด่าว่าทำไมพระราชาไม่มาทำให้ถนนสัญจรไปมาได้ตามปกติ แต่คนที่บ่นก็ไม่ได้มาช่วยย้ายหินออกไป

ต่อมามีชาวสวนคนหนึ่งแบกผักมาเต็มหลังผ่านมาเจอก้อนหิน เขาวางสัมภาระไว้ข้างๆ และเข้าไปเข็นก้อนหินออกจากเส้นทาง ปรากฏว่ามีถุงเงินวางอยู่ใต้ก้อนหิน เมื่อเขาเปิดออกจึงพบว่ามีเหรียญทองจำนวนมากและจดหมายจากพระราชาอยู่ในถุงนั้น ในจดหมายเขียนว่า “ทองพวกนี้มีไว้ให้สำหรับผู้ที่ย้ายหินออกจากถนน”

ข้อคิด : อุปสรรคทุกอย่างที่เจอในชีวิต ล้วนเป็นโอกาสให้เราได้ลองแก้ไขมัน สำหรับคนขี้เกียจก็จะได้แต่บ่น ไม่มีทางที่จะมีหัวใจแห่งความเอื้ออาทรและพบเจอสิ่งดีๆ ที่จะผ่านเข้ามา

5. ผีเสื้อ (แรงบันดาลใจ : การต่อสู้)

ชายคนหนึ่งพบรังไหมของผีเสื้อ

เขาเฝ้ามองรังไหมนั้นทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งรังนั้นก็เผยรอยแตกให้เห็น เขานั่งดูผีเสื้อเป็นเวลาหลายชั่วโมง ขณะที่ตัวผีเสื้อพยายามฝืนพาร่างกายตัวเองให้ลอดผ่านรูเล็กๆ ออกมา

อยู่ๆ ทุกอย่างกลับหยุดชะงัก ดูเหมือนว่าผีเสื้อนั้นจะติดคาอยู่ที่รูนั้น

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยผีเสื้อ เขาหยิบกรรไกรและตัดไหมบางส่วนออก จากนั้นผีเสื้อก็หลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าร่างกายบางส่วนจะดูเหมือนมีอาการบวมอักเสบและมีปีกที่ลีบเล็ก

ชายคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากและเฝ้ารอปีกผีเสื้อขยายออก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น กลายเป็นว่าผีเสื้อตัวนั้นต้องใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตในการที่คลานไปมา ต่อหน้าเขา

ถึงแม้ว่ามนุษย์จะมีจิตใจที่โอบอ้อมอารีย์ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจกฏธรรมชาติของการลอกเยื่อของตัวดักแด้ในผีเสื้อ ที่การบีบตัวผ่านรูเล็กๆ คือการรีดให้เมือกออกจากร่างของผีเสื้อและทำให้ปีกขยายออกเพื่อบินออกไปได้

ข้อคิด :  อุปสรรคของชีวิตมีไว้เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเรา หากไม่มีอุปสรรค เราจะไม่สามารถเติบโตอย่างแข็งแรงได้ ดังนั้นนี่เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรับมือกับความท้าทายด้วยตัวของเราเอง และอย่ารอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

4. ควบคุมอารมณ์ของตนเอง (แรงบันดาลใจ : ความโกรธ)

เด็กชายคนหนึ่งเป็นเด็กน้อยขี้โมโหหงุดหงิดตลอดเวลา พ่อของเขาตัดสินใจหยิบเอาตะปู 1 ถุงมาให้ และบอกให้เขาต้องตอกตะปูเข้าไปที่รั้วทุกครั้งที่โมโห

วันแรกเด็กชายตอกตะปูเข้าไปที่รั้ว 37 ดอก

เด็กคนนั้นจึงเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ ผ่านไปวันแล้ววันเล่า จำนวนตะปูที่เพิ่มต่อวันก็เริ่มลดลงทีละน้อย

เขาก็พบว่าควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธนั้นง่ายกว่าตอกตะปูเป็นไหนๆ

จนกระทั่งถึงวันที่เขาควบคุมอารมณ์ได้ตลอดเวลา เขาจึงเดินไปบอกพ่อ เมื่อพ่อได้ยินดังนั้นก็ได้แนะนำกับเด็กชายว่า ตอนไหนที่ควบคุมอารมณ์ได้ ให้เขาดึงตะปูออกมาครั้งนึง

วันแล้ววันเล่าผ่านไป เขาก็เดินไปบอกพ่อว่าเขาดึงตะปูออกมาจนหมดแล้ว พ่อจึงจูงมือเด็กชายคนนั้นเดินไปที่รั้วแล้วพูดว่า “ลูกรักทำดีมาก แต่ดูรอยที่รั้วนี่สิ มันไม่มีวันเหมือนเดิมแล้ว เมื่อลูกพูดสิ่งต่างๆ ด้วยความโกรธ มันก็เหมือนการสร้างรอยแผลเป็นไว้ ลูกเอามีดไปแทงคนอื่นแล้วค่อยกล่าวขอโทษย่อมทำได้ แต่มันไม่สำคัญว่าจะพูดขอโทษสักกี่ครั้ง เพราะแผลเป็นก็ยังอยู่ตรงนั้นเสมอ”

ข้อคิด : จงควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่เสมอ และอย่าพูดอะไรที่คุณอาจจะต้องมาเสียใจภายหลังได้ในตอนที่โกรธ บางอย่างในชีวิตอาจไม่สามารถเอากลับคืนมาได้

3. หญิงตาบอด (แรงบันดาลใจ : การเปลี่ยนแปลง)

มีหญิงสาวตาบอดคนหนึ่งผู้รู้สึกเกลียดตัวเองที่ตาบอด แต่คนที่เธอไม่เคยเกลียดคือแฟนหนุ่มของเธอเองที่คอยดูแลเธออยู่เสมอ เธอบอกว่าเมื่อไรที่เธอมองเห็นขึ้นมา เธอจะแต่งงานกับเขา

วันหนึ่งมีคนบริจาคตาคู่หนึ่งให้กับเธอ เธอสามารถมองเห็นแล้ว แฟนหนุ่มจึงได้ทวงถามเธอ “ตอนนี้คุณมองเห็นแล้ว คุณจะแต่งงานกับผมไหม?”

หญิงสาวคนนั้นรู้สึกช๊อคที่พบว่าแฟนฟนุ่มของตัวเองก็ตาบอดเหมือนกัน จึงได้ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขาไป แฟนหนุ่มจึงต้องเดินจากไปทั้งน้ำตาโดยทิ้งจดหมายเอาไว้ให้เธอ ข้อความในนั้นมีอยู่ว่า..

“ดูแลตาของฉันให้ดีด้วยนะ..ที่รัก”

ข้อคิด : เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป จิตใจของคนก็เปลี่ยนตาม

2. ขายลูกสุนัข (แรงบันดาลใจ : ความเข้าใจ)

เจ้าของร้านขึ้นป้ายประกาศ “ขายลูกสุนัข” ที่ประตูของเขา ป้ายนี้ดึงดูดเด็กๆ เป็นอย่างมากโดยเฉพาะเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่พอเห็นป้ายก็รีบวิ่งตรงเข้าไปถามเจ้าของหมาทันที

“น้องหมาเราเท่าไรครับ?”

เจ้าของร้านตอบมาว่า “มีตั้งแต่ $30 ถึง $50 จ่ะ”

เด็กชายหยิบเศษเหรียญออกมาจากกระเป๋า “ตอนนี้ผมมีแค่ $2.37 เอง… ผมขอดูพวกมันหน่อยได้ไหม”

เจ้าของร้านไม่ตอบยืนอมยิ้ม ทันใดนั้นก็มีแม่หมาเดินออกมาจากคอกหมาโดยมีลูกๆ ของมัน 5 ตัวเดินตามออกมา หนึ่งในนั้นมีลูกสุนัขตัวหนึ่งท่าทางแปลกๆ เดินขากะเผลกตามออกมาด้วย เด็กน้อยก็แปลกใจแล้วถามว่า “น้องหมาตัวนั้นเป็นอะไรครับ?”

เจ้าของร้านตอบว่า ให้สัตวแพทย์ตรวจดูแล้ว มันมีปัญหาที่สะโพก เดินเหินไม่สะดวกนัก

เด็กชายมีทีท่าตื่นเต้นแล้วบอกว่า “ตัวนี้เลยที่ผมอยากได้”

เจ้าของร้านบอกว่า “พี่ว่าหนูไม่อยากได้มันจริงๆ หรอก แต่ถ้าหนูอยากได้มันจริงๆ พี่ยกมันให้เลยก็ได้”

เด็กชายหงุดหงิดและบอกกับเจ้าของร้านว่า “ผมไม่อยากให้คุณยกมันให้กับผม น้องหมาตัวนี้ก็ค่าเท่ากับตัวอื่นๆ และผมจะจ่ายเต็มราคา ผมจะให้คุณ $2.37 ไว้ก่อน และให้อีก $50 จนครบราคาเต็ม”

เจ้าของร้านบอกว่า “หนู หมาตัวนี้มันพิการ มันวิ่งเล่นกับหนูไม่ได้เหมือนหมาตัวอื่นๆ นะ อยากได้จริงๆ หรอ”

เด็กน้อยสร้างความประหลาดใจให้แก่เจ้าของร้านโดยการดึงขากางเกงขึ้นให้เห็นขาเทียม เขามองไปที่เจ้าของร้านแล้วพูดอย่างนุ่มนวลว่า “เอาล่ะ ผมก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน และน้องหมาตัวนี้ก็คงอยากอยู่กับคนที่เข้าใจมันเช่นกัน”

ข้อคิด : ความพิการไม่ใช่ปมด้อย ความพิการไม่ได้ทำให้ใครด้อยค่าลง

1. กล่องที่เต็มไปด้วยจูบ (แรงบันดาลใจ : ความรัก)

เมื่อไม่นานมานี้ มีชายคนหนึ่งลงโทษลูกสาววัย 3 ขวบของเขาที่ม้วนกระดาษห่อของขวัญสีทองเล่น ช่วงนี้เขากำลังลดรายจ่ายมันเลยทำให้เขาโมโหตอนที่เห็นลูกสาวพยายามตกแต่งกล่องเพื่อวางใต้ต้นคริสมาสต์

ถึงกระนั้นเมื่อลูกสาวก็เอาของขวัญมาให้พ่อในเช้าวันรุ่งขึ้นและพูดว่า “นี่สำหรับพ่อนะคะ” พ่อก็หลงดีใจไปชั่วขณะและเปิดดู กลับพบว่ากล่องใบนั้นว่างเปล่า และอารมณ์เสียใส่ลูกพร้อมกับพูดว่า “นี่ลูกไม่รู้เหรอ เวลามอบของกล่องขวัญให้ใคร มันควรจะมีของอยู่ข้างในนั้นอยู่ด้วย”

เด็กน้อยมองหน้าพ่อพร้อมกับน้ำตาคลอและเริ่มร้องไห้
“พ่อจ๋า กล่องมันไม่ได้ว่างเปล่านะ หนูส่งจูบทั่วกล่องเลย หนูตั้งใจให้พ่อเลยนะ”

พ่อรู้สึกปวดใจและละอายที่พูดกับลูกสาวแบบนั้น เขาโอบกอดลูกสาวตัวน้อยและขอร้องให้ลูกอภัยให้

แต่แล้วเรื่องเศร้ากว่านั้นได้เกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นานลูกสาวสุดที่รักเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พ่อทำได้เพียงเก็บกล่องของขวัญสีทองนั้นไว้บนเตียงเป็นเวลาหลายปี เมื่อไหร่ที่เขาท้อใจจากเรื่องต่างๆ เขาจะนึกถึงรอยจูบของลูกสาวที่มอบไว้ในความทรงจำของเขาเสมอมา

ข้อคิด : ความรักเป็นของขวัญที่มีค่ามากที่สุดในโลก